คำอธิบาย และการเตรียมตัวสำหรับผู้ต้องการมาฝึกวิชาตาที่สาม

[อรุณเบิกฟ้า]

คำอธิบาย และการเตรียมตัวสำหรับผู้ต้องการมาฝึกวิชาตาที่สาม

ขอให้ท่านเปิดใจอ่าน หากไม่นับถืออยู่แล้ว โปรดข้าม และอย่าแชร์ ไม่ได้ต้องการให้เรื่องพวกนี้แพร่ไปอย่างกว้างขวาง
คำเรียกวิชานี้ ที่จริงควรเรียกทิพจักษุญาณ เป็นความรู้อีก 1 อย่างในทางพระพุทธศาสนา แต่เพื่อเรียกให้มันเข้าใจง่าย จึงเรียกดังนี้ มีหลายสำนัก หลายท่าน ครูอาจารย์สอน สอนแตกต่างกันไป แต่เป้าหมายคือเพื่อให้เกิดญาณทัศนะ ที่นอกเหนือตาสัมผัส เป็นมโนจักษุ ความรู้เสมือนตามอง แต่ไม่ใช่ตา ทางล้านช้างโบราณเรียกธรรมส่อง  บางที่เรียกวิชาเมฆจิต ใช้การเพ่ง การจับนิมิต่างกัน บ้างก็อากาศกสิณ อาโลกสิณ บ้างก็กสินสีขาว หรือจับภาพพระเป็นสมาธิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อให้เกิดสมาธิ ในการใช้เพื่อหยั่งรู้  เปรียบเพื่อให้เข้าใจ ง่ายๆ เหมือน แต่ละสำนัก สอนการสร้างรถ แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อขึ้นมา ก็เพื่อใช้ในการขับไปที่ต่างๆ แต่ถ้าไม่มีรถ ก็ไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะที่นั้นๆที่จะไป มันไกล ต้องเดินทางด้วยรถ  บาทฐานคือการสร้างสมาธิขึ้นมา ในจุดที่มันใช้ได้ ไม่ใช่วิชาเหมือนสายร่างทรง สายญาณบารมี ที่ ครอบครู ครอบขันธ์แล้ว ญาณของครู มาปรากฏ ที่คนถูกครอบ สามารถใช้ ในทำนองตาทิพย์ได้ หยั่งรู้ได้ แต่นั่นเป็นกำลังของครู ไม่ใช่กำลังของคนฝึกเอง ถ้าทำผิดครูข้อห้าม หรือผิดระเบียบครูหายไปก็ไม่สามารถหยั่งรู้อะไรได้
 การฝึกของที่นี่ ฝึกให้มีสมาธิขึ้นที่แต่ละท่านเอง หยั่งรู้ ตื้นลึก ขึ้นกับ วาสนาเก่าของแต่ละท่าน ถ้าศึกษาในพระไตรปิฎก จะพอทราบว่า แม้พระอรหันต์ที่บรรลุคุณธรรมเท่ากัน แต่ความสามารถไม่เท่ากัน เนื่องด้วย สะสมบุญบารมีมาต่างกัน  เดิมทีสอนทั้งปี แต่คนสอนเหนื่อยมากเนื่องด้วยภารกิจแต่ละวันเยอะมาก ครูในสายวิชาแต่ละท่านก็ไม่ไหว เพราะกิจส่วนตัวก็มี ไม่ว่างตลอด
เคยปิดไปหลายรอบ ไม่อยากสอน เพราะมันเป็นดาบ 2 คม คนเอาไปใช้ผิดทางก็มี
ที่นี่ยินดีสอน จนกว่า คุณจะได้ในระดับ ที่ใช้ได้ ไม่บังคับด้วยว่า ต้องเปลี่ยนมานับถือพุทธ หากคนที่นับถือต่างศาสนา เพราะ เคยมีเพื่อนจากหลายศาสนามาฝึก ก็ได้ผล เพราะมันคือเรื่องของสมาธิ ไม่ใช่เรื่องของศาสนา คนที่ฝึกถึง จะขึ้นถึงตรงเดียวกัน

อาจาย์ ปาล์ม เผยแพร่เป็นธรรมทานเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563
FB : อ. ปาล์ม เว็บผลบุญ แฟนเพจ